กระจกโลวอี LOW E คืออะไร ดีไม่ดีอย่างไร

Last updated: 9 ต.ค. 2567  |  31220 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กระจกโลวอี LOW E คืออะไร ดีไม่ดีอย่างไร

กระจก Low-E หรือกระจกโลวอี นั้นไม่ได้เป็นอะไรที่ใหม่ แต่มีมายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว โดยเฉพาะในประเทศเมืองหนาว เนื่องจากเขาต้องการป้องกันความหนาวเย็นภายนอก แต่เพิ่งเริ่มได้รับความนิยมในเมืองไทยไม่นานนี้เอง ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่หลายๆ คนหันมารณรงค์เรื่องการลดความร้อนในอาคาร แถมกระจกโลวอีจากจีนก็เข้ามาตีตลาดด้วยราคาที่ไม่ทำให้กระเป๋าฉีกง่ายๆ

แต่เดี๋ยวก่อน! กระจกโลวอีไม่ได้มีแค่ข้อดีแบบที่หลายคนเข้าใจไปหมดหรอกนะ มันยังมีข้อจำกัดบางประการด้วย ซึ่งเรามาดูกันว่ากระจกชนิดนี้ทำงานอย่างไรบ้าง

กระจกโลวอี (Low-E, Low Emissivity) มีคุณสมบัติสำคัญอยู่ 2 อย่าง:

แผ่รังสีความร้อนน้อย – พูดง่ายๆ ก็คือ มันไม่ค่อยปล่อยความร้อนออกไปสู่สภาพแวดล้อมเหมือนกระจกธรรมดา ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า Low Emissivity (แปลว่าความสามารถในการแผ่รังสีต่ำ) ทำให้กระจกนี้ช่วยลดการถ่ายเทความร้อน
ช่วยลดความร้อนจากแสงแดด แต่ไม่ลดความใส – กระจกโลวอีช่วยให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาได้เต็มๆ แต่เจ้ารังสีความร้อน (อินฟราเรด) กลับถูกกันเอาไว้บางส่วน ทำให้บ้านของคุณไม่กลายเป็นเตาอบ
กระจกโลวอีใช้อะไรมาเคลือบล่ะ? กระจกโลวอีมักจะเคลือบด้วยโลหะ เช่น อลูมิเนียมหรือเงิน แต่บอกเลยว่าเงินน่ะฮิตที่สุด เพราะมันแผ่ความร้อนได้น้อยสุดๆ ถ้าจะแบ่งประเภทกระจกโลวอีตามวิธีการผลิตก็จะมี 2 แบบหลักๆ ได้แก่:

1. กระจกโลวอีแบบผิวเคลือบแข็ง (Hard Coat Low-E)
เจ้ากระจกตัวนี้ถูกสร้างด้วยการพ่นไอโลหะร้อนไปบนกระจกที่กำลังร้อนๆ เลย ทำให้โลหะฝังตัวเข้าไปในกระจกทันที ฟังดูเหมือนเวทมนตร์ใช่ไหม? แต่กระบวนการนี้ต้องทำตั้งแต่เริ่มผลิตกระจกแผ่นเรียบ หรือ float glass นั่นเอง

แล้วกระจกแบบนี้ดีแค่ไหน? ก็ถือว่าคงทนใช้ได้ ทนทานต่อการกระทบกระแทกและใช้งานในหลายสภาพอากาศได้ แต่บางคนอาจจะคิดว่ามันไม่ใสเท่ากระจกแบบเคลือบอ่อน (Soft Coat)

 
ดุวิธีการผลิตกระจกแผ่นเรียบได้ที่


 

ข้อดีของกระจกโลวอีแบบผิวเคลือบแข็ง (Hard Coat Low-E)

ความสว่างสูง: กระจกโลวอีแบบเคลือบแข็งปล่อยแสงผ่านได้มากถึง 80% ทำให้ภายในอาคารยังคงสว่างแต่ช่วยกรองความร้อนจากภายนอกได้บ้าง
ความแข็งแรงและทนทาน: ผิวเคลือบแข็งแรงทำให้กระจกชนิดนี้สามารถแปรรูปเพิ่มเติมได้ เช่น อบแข็ง (เทมเปอร์) หรือทำเป็นกระจกลามิเนต ซึ่งเหมาะกับการใช้งานหลายรูปแบบ
ใช้เป็นกระจกแผ่นเดี่ยวได้: เนื่องจากผิวเคลือบแข็ง ไม่เกิดสนิมหรือความเสียหายแม้จะใช้เป็นกระจกแผ่นเดี่ยว ไม่ต้องจับคู่กับกระจกชั้นอื่นเหมือนกระจกเคลือบอ่อนบางชนิด


ข้อด้อยของกระจกโลวอีแบบผิวเคลือบแข็ง

ลดความร้อนได้ต่ำ: การเคลือบผิวแบบแข็งมีข้อจำกัดด้านชั้นโลหะ ทำให้การลดความร้อนจากแสงแดดทำได้เพียง 15% ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อใช้ในเมืองร้อน การเลือกใช้กระจกเขียวอาจจะมีประสิทธิภาพดีกว่าในบางกรณี
ลดรังสีความร้อนได้น้อย: กระจกโลวอีแบบเคลือบแข็งอาจกักเก็บความร้อนภายในอาคารได้ดี แต่ในการลดความร้อนจากภายนอกไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรในสภาพอากาศร้อน
การดูแลรักษายาก: เนื่องจากผิวกระจกต้องสัมผัสกับอากาศเพื่อให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ การทำความสะอาดจึงต้องระมัดระวังมาก เพราะการเกิดรอยหรือปฏิกิริยาเคมีกับผิวกระจกอาจทำให้ประสิทธิภาพการลดความร้อนลดลง


กระจกโลวอีแบบผิวเคลือบอ่อน Soft coat low E

หลักการณ์คือ กระจกถูกป้อนเข้าไปในด้านล่างของห้องที่เป็นสูญญากาศและมี ขั้วแม่เล็กไฟฟ้าอยู่บนและล่าง  โดยแท่งโลหะจะอยู่ด้านบน  แก๊สอากอนจะถูกปล่อยในห้องและถูกเหนี่ยวนำให้กลายเป็นประจุไฟฟ้า ประจุอากอนจะถูกดูดขึ้นด้านบน ด้วยสนามแม่เหล็กกระแทกโมเลกุลแท่งโลหะตกลงมาฝังตัวเคลือบบนผิวกระจก

 

ข้อดีของกระจกโลวอีแบบผิวเคลือบอ่อน
กระจกโลวอีแบบนี้จะถูกเคลือบภายหลังด้วยวิธี เคลือบแบบแม่เหล็กไฟฟ้า ดุวิธีการผลิตกระจกได้ที่

 

 


สามารถผลิตกระจกโลวอีที่มีประสิทธิภาพได้หลากหลาย จากชนิดของโลหะ และจำนวนของโลหะที่ใช้ โดยผิวเคลือบสามารถทำได้ตั้งแต่ 5-13 ชั้น ซึ่งจะเรียกกันว่า 

single low E สำหรับเคลือบเงิน 1 ชั้น และผิวเคลือบรวม 5 ชั้น

double low E สำหรับเคลือบเงิน 2 ชั้น และผิวเคลือบรวม 9 ชั้น

Triple Low E สำหรับเคลือบเงิน 3 ชั้น และผิวเคลือบรวม 13 ชั้น


 

 

ข้อด้อยของ กระจกโลวอีแบบ soft coat

  • ไม่สามารถทำเป็นกระจก เทมเปอร์ หรือลามิเนตได้  ต้องนำกระจกธรรมดาไปทำเทมเปอร์ก่อนค่อยนำมาเคลือบ
  • ไม่สามารถใช้แบบแผ่นเดี่ยวได้  ต้องอยู่ในรูปกระจกฉนวนอากาศ เพื่อลดโอกาสการเกิดสนิมโลหะ บนผิวเคลือบ ทำให้มีผลตามมานั่นคือ   กระจกจะหนาและหนักมาก ทำให้กรอบเฟรมที่ใช้ต้องแข็งแรง และสามารถรองรับความหนากระจกได้  ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายของการใช้กระจกชนิดนี้สูงขึ้นมาก
  • กระจกยิ่งทำให้มีประสิทธิภาพมากขั้น เช่น ชั้นเคลือบมากขึ้น กระจกจะมืด และมีเงาสะท้อนมากขึ้นตามลำดับ ทำให้มีลักษณะคล้ายกระจกสะท้อนแสง

 

จากที่กล่าวมา ดังนั้น อากาศในประเทศไทยไม่เหมาะกับการใช้กระจกโลวอีเคลือบแข็ง เพราะกันความร้อนไม่เพียงพอ  แต่การใช้งานกระจกดับเบิ้ลหรือทริปเปิ้ลโลวอี ก็มีข้อด้อยเรื่องความหนาและส่งผลถึง เฟรมที่ต้องใช้ ทำให้ราคาในการใช้งานสูงมากยิ่งขึ้น ไม่เหมาะสำหรับอาคารเล็กเช่นบ้านพักอาศัย

ทางเลือกกระจกประหยัดพลังงานทดแทนกระจกโลวอี

บริษัทแอทซิสได้พิฒนากระจก  LAMKOOL ที่โดดเด่นลดความร้อนได้เหนือกว่ากระจกโลวอี  และมีแสงสะท้อนต่ำ ประสิทเธิภาพใกล้เคียงกระจกโลวอีแบบดับเบิ้ลหรือทริปเปิ้ลโลวอี แต่มีความหนาน้อยกว่า  ให้ความแข็งแรงปลอดภัย และลดปัญหาความหนาของการติดตั้ง รวมถึงลดต้นทุนการใช้งาน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่


บทความน่าสนใจ: การพัฒนากระจกโลวอีแบบกึ่งเคลือบอ่อนที่สามารถทำลามิเนตได้

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้